✈️ 👩🏾 นั่งรถทัวร์ จาก สิงคโปร์ ไป มาเลเซีย
สวัสดีค่ะ วันนี้เมอยากมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง😁
คือ การนั่งรถทัวร์ หรือ รถบัส จากประเทศสิงคโปร์ ไป มาเลเซียกัน
เนื่องจากเราลองผิดลองถูกด้วยตนเอง เพราะมีคนรีวิวไม่เยอะ
เกี่ยวกับการนั่งรถบัสจาก SG->KL ปกติแล้วก็เจอแต่KL->SGซะมากกว่าค่ะ
ตอนนั้น เมเริ่มจากหารีวิว แต่ก็มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะแค่แนะนำเท่านั้น
รีวิวนี้อาจจะไม่มีภาพเลย เพราะเมไม่ได้ถ่ายมาเลยจริงๆ
ตอนนั้นอารมณ์เสียอยู่เพราะตกบัส😈
💗เริ่มกันเลยนะคะ!💗
เริ่มแรก เมจองผ่านเว็บ https://www.starmartbus.com/ โดยตรง
โดยตัดผ่านบัตรเครดิตของเมืองไทย มีค่าธรรมเนียมประมาณ $5(สิงคโปร์) ค่ะ
แต่ตอนนั้น เมจองวันนี้ พรุ่งนี้เมไปเลย ค่ารถ VIP อยู่ที่คนละ $50/ที่นั่ง
จากนั้นระบบก็จะส่งเมลล์มายืนยันเน้อ ว่าเค้าคอนเฟิร์มตั๋วของเราแล้วว😀
เมก็ได้ไปเช็ครีวิวรถนี้มาก่อนถึงวันจริงนะคะ😶
รถในอินเตอร์เน็ต Review ค่อนข้างจะติดลบ แต่เมไปจริงๆ ถือว่าโอเคเลยค่ะ สภาพรถ
แต่ใครกลัวพวกแมลงตามเบาะที่นั่ง อย่าลืมพกทิชชู่เปียกไปด้วยนะคะ
จากนั้น เราจะต้องไปขึ้นรถกันที่ Golden Mile Tower ค่ะ เป็นท่ารถบัสของสิงคโปร์
ซึ่งมีรถเมล์หลายสายผ่านนะคะ แต่เมขึ้นแท็กซี่จากโรงแรม(Fullerton) ประมาณ $15 ค่ะ
พอเราถึง Golden Mile Tower ปุ๊บ ก็เข้าไปในตึก หาStarmart และเช็คอินได้เลยค่ะ
ที่นู่นจะให้รอและเข้ามา่เช็คอินคอนเฟิร์มตั๋วรถอีกที 15 นาทีก่อน Boarding Time
และก็จะมีสตาฟท้องถิ่น คอยตะโกนบอกหมายเลขรถ ฟังดีๆนะคะ
💗พอเราขึ้นรถเรียบร้อย💗
30 นาทีต่อมา
เราก็จะลงจากรถ เตรียมตรวจ ขาออกจากประเทศสิงคโปร์ค่ะ
จุดนี้ เรานำแค่สัมภาระของเราที่จำเป็น ไม่ต้องแบกกระเป๋าใดๆๆ
(อย่าลืมPassport กับใบเล็กๆของตม.สิงค์ฯที่ได้มาตอนเข้าเมืองด้วยค่า)
หลังจากเสร็จทุกอย่างแล้ว ขึ้นรถคันเดิม นั่งกันต่อค่าา
อีก 30 นาทีต่อมา
จริงๆแล้วระยะทางมันสั้นมากๆ แต่รถติดแหงกกกเลยเด้อออ
เราก็จะลงจากรถอีกครั้ง พร้อมสัมภาระทุกอย่างของเราเลยค่ะ
เพื่อตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซีย ไม่ค่อยมีระบบเท่าไหร่
เพราะคนเยอะมากๆ ตม.ที่หลายท่าน แต่มีที่ตรวจเช็คของแค่ 1 ช่อง
ทุกคนก็อยากแย่งๆกันออก แซงคิวกัน จนเละเทะไปหมดค่ะ
พอเรารอดออกมาแล้ววววววววว
จำรหัสเลขรถตัวเองให้พร้อมค่ะ! อย่าพยายามเดินหาเองนะคะ
เพราะเมื่อเราถึงออกจากตม.แล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ Starmart อยู่ข้างหน้ามินิมาร์ทตรงนั้นคอยช่วยเหลือค่ะ
ให้เราแจ้งเลขรถกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เค้าจะรู้ที่ประจำของรถเบอร์นั้นๆค่ะ
ทางที่ดี เกาะเพื่อนที่ร่วมรถมากับเราแต่แรกเลยดีกว่าค่ะ จะได้ไม่หลงไม่เสียเที่ยว
(ขอย้อนความนะคะ)😖
เพราะเมนี่ล่ะค่า เดินโง่ หารถเอง คิดว่าต้องเป็นรถคันเก่าแน่ๆที่มารับชั้นนน
ปรากฏเดินหาเอง จนงง ไม่รู้เค้ามีเจ้าหน้าที่ จนตกรถค่าาาาาาาาา T_T
จนมีเจ้าหน้าที่ของทางนั้น เค้ามาช่วย เพราะเห็นเราเดินเอ๋อไปเอ๋อมา
และเมกับแฟนมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง 2 ใบใหญ่ 2 ใบลาก และ 2 เป้ค่ะ
คือหิ้วกันอิรุงตุงนังมากๆค่ะ เพราะของเราเยอะ เลยเป็นปัญหามากๆ
เมกับแฟน เปลี่ยนรถไปมา จนได้ขึ้นรถไปกัวลาลัมเปอร์อีก 4-5 ชั่วโมงถัดไป
💗วิธีแก้ปัญหาถ้าตกรถนะคะ💗
1. ถ้าตกรถจริงๆ ไปนั่งหน้ามินิมาร์ทเลยค่าาาา จุมปุกไปเลยค่ะ
จะมีพนักงาน 1 คน ที่แจกเบี้ยเลี้ยงให้คนขับรถ ซึ่งคนขับรถทุกคนเหมือนต้องมารายงานตัวที่นี่ค่ะ
เราจะมีโอกาสเจอคนขับรถ ซึ่งเจอรถที่สามารถนำเราไปกัวลาลัมเปอร์ได้มากกว่า
2. ทำยังไงก็ได้เจ้าหน้าที่ให้รำคาญเราค่ะ
เพราะเมดูรวมๆจากเหตุการณ์วันนั้น เจ้าหน้าที่ ไม่ได้เป็นตัวช่วยที่ดีเท่าไหร่
เค้าแค่ช่วยเราแบบพาเราเดินไปเดินมา ไม่โทรหาคนขับรถหรืออะไรเลยค่ะ
บางคน แค่ชี้ทางเราบอกให้เดินไปนู่นไปนี่ และเรามีของเยอะ+หนักมากๆค่ะ
แต่ก็ต้องเข้าใจ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมีน้อยมากๆค่ะ เทียบกับลูกค้า
แต่ถ้าเรายิ่งทำให้เค้ารำคาญ เค้าก็ยิ่งอยากไล่เราไปให้ไกลๆ เลยได้รถไวมากนะคะ
ถ้าเทียบกับคนสิงคโปร์(เพื่อนร่วมทริป) ที่ตกรถเหมือนกัน
เมเปลี่ยนรถทั้งหมด4คันได้ ลากกระเป๋าไปมา ทุกคันไปกัวลาลัมเปอร์หมด
แต่ถ้าเราไปรอบนั้น คนที่ไปรอบนั้นจะตกรถเพราะเรา เมเลยตัดสินใจรอคันที่ว่างค่ะ
3. ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ว่าง ถามคนขับรถไปเลยค่ะ! คนที่ใส่เสื้อของบริษัท
ถามเลยว่า คันยูผ่านกัวลาลัมเปอร์มั้ย ถ้าผ่าน เราก็ขอเค้าขึ้นรถได้เลยค่ะ
บนใบคอนเฟิร์มTicketของเรา(ที่เจ้าหน้าที่ให้มาตอนอยู่สิงค์ฯ)จะมีสถานีปลายทางอยู่ค่ะ
เอาให้เค้าดูเลยก็ได้ค่า บางคันเค้าไปไกลกว่ากัวลาลัมเปอร์ แต่เค้าก็จอดค่ะ
ถ้ารถว่าง เค้าก็ให้เราขึ้นรถได้ค่า (ตอนนั้นเมก็ได้เพราะแบบนี้ค่ะ งั้นคงรอถึงเช้า)
💜พอหลังจากที่เมได้ขึ้นรถแล้ว เราก็ไม่ได้นั่งรถแบบ VIP เหมือนที่เราคาดไว้นะคะ555
เป็นรถทัวร์ 2 ชั้นปกติ แต่จุดนั้น ประมาณเที่ยงคืนกว่าแล้วค่ะ เลยอะไรก็ไป ไม่เลือกแล้วววว
💚ขากลับจากกัวลาลัมเปอร์ เมนั่งรถส่วนตัวของที่ๆเมพัก(คล้ายๆUber) จาก Putra มาแอร์พอต ประมาณ 120 ริงกิตค่ะ จริงๆแล้ว UBER เมกดเจอแค่ 65 ริงกิตเองค่ะ แต่พออูเบอร์มาถึงรถดันใส่่ของเราไม่พอค่ะ พอเรียกๆๆก็ไม่เจอเลย เลยหมดทางเลือก ให้พี่ยามที่นู่นช่วยหาให้
เค้าก็โทรหาเพื่อนเค้า เพื่อนเค้าก็มาเลยค่ะ โดนไป 120 ริงกิต แต่ระยะทางไกลจริงๆค่ะ
💛ทริปนี้เพราะว่าเมกับแฟนของเยอะด้วยค่ะ (แฟนเพิ่งมาจากอเมริกา)
ทำให้การเดินทางไปไหนเลยไม่ค่อยสะดวก เวลาย้ายเมืองที
เราต้องเหนื่อยเป็น 2 เท่า เพราะของเราเยอะ บางทีเราก็มีทางเลือกไม่มาก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอ่านจนจบนะคะ ^_^
เมเองค่า
คือ การนั่งรถทัวร์ หรือ รถบัส จากประเทศสิงคโปร์ ไป มาเลเซียกัน
เนื่องจากเราลองผิดลองถูกด้วยตนเอง เพราะมีคนรีวิวไม่เยอะ
เกี่ยวกับการนั่งรถบัสจาก SG->KL ปกติแล้วก็เจอแต่KL->SGซะมากกว่าค่ะ
ตอนนั้น เมเริ่มจากหารีวิว แต่ก็มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะแค่แนะนำเท่านั้น
รีวิวนี้อาจจะไม่มีภาพเลย เพราะเมไม่ได้ถ่ายมาเลยจริงๆ
ตอนนั้นอารมณ์เสียอยู่เพราะตกบัส😈
💗เริ่มกันเลยนะคะ!💗
เริ่มแรก เมจองผ่านเว็บ https://www.starmartbus.com/ โดยตรง
โดยตัดผ่านบัตรเครดิตของเมืองไทย มีค่าธรรมเนียมประมาณ $5(สิงคโปร์) ค่ะ
แต่ตอนนั้น เมจองวันนี้ พรุ่งนี้เมไปเลย ค่ารถ VIP อยู่ที่คนละ $50/ที่นั่ง
จากนั้นระบบก็จะส่งเมลล์มายืนยันเน้อ ว่าเค้าคอนเฟิร์มตั๋วของเราแล้วว😀
เมก็ได้ไปเช็ครีวิวรถนี้มาก่อนถึงวันจริงนะคะ😶
รถในอินเตอร์เน็ต Review ค่อนข้างจะติดลบ แต่เมไปจริงๆ ถือว่าโอเคเลยค่ะ สภาพรถ
แต่ใครกลัวพวกแมลงตามเบาะที่นั่ง อย่าลืมพกทิชชู่เปียกไปด้วยนะคะ
จากนั้น เราจะต้องไปขึ้นรถกันที่ Golden Mile Tower ค่ะ เป็นท่ารถบัสของสิงคโปร์
ซึ่งมีรถเมล์หลายสายผ่านนะคะ แต่เมขึ้นแท็กซี่จากโรงแรม(Fullerton) ประมาณ $15 ค่ะ
พอเราถึง Golden Mile Tower ปุ๊บ ก็เข้าไปในตึก หาStarmart และเช็คอินได้เลยค่ะ
ที่นู่นจะให้รอและเข้ามา่เช็คอินคอนเฟิร์มตั๋วรถอีกที 15 นาทีก่อน Boarding Time
และก็จะมีสตาฟท้องถิ่น คอยตะโกนบอกหมายเลขรถ ฟังดีๆนะคะ
💗พอเราขึ้นรถเรียบร้อย💗
30 นาทีต่อมา
เราก็จะลงจากรถ เตรียมตรวจ ขาออกจากประเทศสิงคโปร์ค่ะ
จุดนี้ เรานำแค่สัมภาระของเราที่จำเป็น ไม่ต้องแบกกระเป๋าใดๆๆ
(อย่าลืมPassport กับใบเล็กๆของตม.สิงค์ฯที่ได้มาตอนเข้าเมืองด้วยค่า)
หลังจากเสร็จทุกอย่างแล้ว ขึ้นรถคันเดิม นั่งกันต่อค่าา
อีก 30 นาทีต่อมา
จริงๆแล้วระยะทางมันสั้นมากๆ แต่รถติดแหงกกกเลยเด้อออ
เราก็จะลงจากรถอีกครั้ง พร้อมสัมภาระทุกอย่างของเราเลยค่ะ
เพื่อตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซีย ไม่ค่อยมีระบบเท่าไหร่
เพราะคนเยอะมากๆ ตม.ที่หลายท่าน แต่มีที่ตรวจเช็คของแค่ 1 ช่อง
ทุกคนก็อยากแย่งๆกันออก แซงคิวกัน จนเละเทะไปหมดค่ะ
พอเรารอดออกมาแล้ววววววววว
จำรหัสเลขรถตัวเองให้พร้อมค่ะ! อย่าพยายามเดินหาเองนะคะ
เพราะเมื่อเราถึงออกจากตม.แล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ Starmart อยู่ข้างหน้ามินิมาร์ทตรงนั้นคอยช่วยเหลือค่ะ
ให้เราแจ้งเลขรถกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เค้าจะรู้ที่ประจำของรถเบอร์นั้นๆค่ะ
ทางที่ดี เกาะเพื่อนที่ร่วมรถมากับเราแต่แรกเลยดีกว่าค่ะ จะได้ไม่หลงไม่เสียเที่ยว
(ขอย้อนความนะคะ)😖
เพราะเมนี่ล่ะค่า เดินโง่ หารถเอง คิดว่าต้องเป็นรถคันเก่าแน่ๆที่มารับชั้นนน
ปรากฏเดินหาเอง จนงง ไม่รู้เค้ามีเจ้าหน้าที่ จนตกรถค่าาาาาาาาา T_T
จนมีเจ้าหน้าที่ของทางนั้น เค้ามาช่วย เพราะเห็นเราเดินเอ๋อไปเอ๋อมา
และเมกับแฟนมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง 2 ใบใหญ่ 2 ใบลาก และ 2 เป้ค่ะ
คือหิ้วกันอิรุงตุงนังมากๆค่ะ เพราะของเราเยอะ เลยเป็นปัญหามากๆ
เมกับแฟน เปลี่ยนรถไปมา จนได้ขึ้นรถไปกัวลาลัมเปอร์อีก 4-5 ชั่วโมงถัดไป
💗วิธีแก้ปัญหาถ้าตกรถนะคะ💗
1. ถ้าตกรถจริงๆ ไปนั่งหน้ามินิมาร์ทเลยค่าาาา จุมปุกไปเลยค่ะ
จะมีพนักงาน 1 คน ที่แจกเบี้ยเลี้ยงให้คนขับรถ ซึ่งคนขับรถทุกคนเหมือนต้องมารายงานตัวที่นี่ค่ะ
เราจะมีโอกาสเจอคนขับรถ ซึ่งเจอรถที่สามารถนำเราไปกัวลาลัมเปอร์ได้มากกว่า
2. ทำยังไงก็ได้เจ้าหน้าที่ให้รำคาญเราค่ะ
เพราะเมดูรวมๆจากเหตุการณ์วันนั้น เจ้าหน้าที่ ไม่ได้เป็นตัวช่วยที่ดีเท่าไหร่
เค้าแค่ช่วยเราแบบพาเราเดินไปเดินมา ไม่โทรหาคนขับรถหรืออะไรเลยค่ะ
บางคน แค่ชี้ทางเราบอกให้เดินไปนู่นไปนี่ และเรามีของเยอะ+หนักมากๆค่ะ
แต่ก็ต้องเข้าใจ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมีน้อยมากๆค่ะ เทียบกับลูกค้า
แต่ถ้าเรายิ่งทำให้เค้ารำคาญ เค้าก็ยิ่งอยากไล่เราไปให้ไกลๆ เลยได้รถไวมากนะคะ
ถ้าเทียบกับคนสิงคโปร์(เพื่อนร่วมทริป) ที่ตกรถเหมือนกัน
เมเปลี่ยนรถทั้งหมด4คันได้ ลากกระเป๋าไปมา ทุกคันไปกัวลาลัมเปอร์หมด
แต่ถ้าเราไปรอบนั้น คนที่ไปรอบนั้นจะตกรถเพราะเรา เมเลยตัดสินใจรอคันที่ว่างค่ะ
3. ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ว่าง ถามคนขับรถไปเลยค่ะ! คนที่ใส่เสื้อของบริษัท
ถามเลยว่า คันยูผ่านกัวลาลัมเปอร์มั้ย ถ้าผ่าน เราก็ขอเค้าขึ้นรถได้เลยค่ะ
บนใบคอนเฟิร์มTicketของเรา(ที่เจ้าหน้าที่ให้มาตอนอยู่สิงค์ฯ)จะมีสถานีปลายทางอยู่ค่ะ
เอาให้เค้าดูเลยก็ได้ค่า บางคันเค้าไปไกลกว่ากัวลาลัมเปอร์ แต่เค้าก็จอดค่ะ
ถ้ารถว่าง เค้าก็ให้เราขึ้นรถได้ค่า (ตอนนั้นเมก็ได้เพราะแบบนี้ค่ะ งั้นคงรอถึงเช้า)
💜พอหลังจากที่เมได้ขึ้นรถแล้ว เราก็ไม่ได้นั่งรถแบบ VIP เหมือนที่เราคาดไว้นะคะ555
เป็นรถทัวร์ 2 ชั้นปกติ แต่จุดนั้น ประมาณเที่ยงคืนกว่าแล้วค่ะ เลยอะไรก็ไป ไม่เลือกแล้วววว
💚ขากลับจากกัวลาลัมเปอร์ เมนั่งรถส่วนตัวของที่ๆเมพัก(คล้ายๆUber) จาก Putra มาแอร์พอต ประมาณ 120 ริงกิตค่ะ จริงๆแล้ว UBER เมกดเจอแค่ 65 ริงกิตเองค่ะ แต่พออูเบอร์มาถึงรถดันใส่่ของเราไม่พอค่ะ พอเรียกๆๆก็ไม่เจอเลย เลยหมดทางเลือก ให้พี่ยามที่นู่นช่วยหาให้
เค้าก็โทรหาเพื่อนเค้า เพื่อนเค้าก็มาเลยค่ะ โดนไป 120 ริงกิต แต่ระยะทางไกลจริงๆค่ะ
💛ทริปนี้เพราะว่าเมกับแฟนของเยอะด้วยค่ะ (แฟนเพิ่งมาจากอเมริกา)
ทำให้การเดินทางไปไหนเลยไม่ค่อยสะดวก เวลาย้ายเมืองที
เราต้องเหนื่อยเป็น 2 เท่า เพราะของเราเยอะ บางทีเราก็มีทางเลือกไม่มาก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอ่านจนจบนะคะ ^_^
เมเองค่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น